บทที่ 14 ก้าวแรกของผู้ฝึกตน 2
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในโลกยุทธภพต่างมีทั้งผู้คนธรรมดาและผู้ฝึกตนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอย่างสงบสุข แต่ก็มีผู้ฝึกตนบางคนที่ทะนงตัวว่าตนแข็งแกร่งเที่ยวไล่ข่มแหงรังแกคนธรรมดาจนต้องให้หน่วยควบคุมเข้ามาคอยตรวจสอบอยู่เสมอ ที่สำคัญการปลุกพลังวิญญาณทุกคนสามารถทำได้ไม่มีการปิดกั้นโอกาส ทั้งคนธรรมดาและลูกหลานของผู้ฝึกตนแต่สุดท้ายก็ใช่ว่าจะสำเร็จเป็นไปตามดั่งใจหวัง...”
"การปลุกพลังวิญญาณจำเป็นต้องปลุกในช่วงอายุเจ็ดปีแต่ไม่ควรเกินช่วงอายุสิบห้าปีจึงจะเป็นการดีที่สุด เพราะหากว่ายิ่งปลุกพลังวิญญาณในตอนที่อายุมากขึ้นเท่าไหร่ความบริสุทธิ์ของวิญญาณยุทธ์ต้นกำเนิด รวมไปถึงความสำเร็จในการปลุกพลังวิญญาณก็จะยิ่งลดลงหายไปเท่านั้น...”
“หลังจากทำการปลุกพลังวิญญาณได้สำเร็จพลังวิญญาณหรือพลังลมปราณภายในจะเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่ง ผู้ฝึกตนแต่ละระดับสามารถดูดซับกระดูกวิญญาณได้สูงสุดตามพลังวิญญาณในขณะนั้น เช่นผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิวิญญาณจะครอบครองกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรได้จะต้องมีอายุไม่เกิน4,000ปี แต่ถึงอย่างไรมีจำนวนไม่น้อยหากผู้ฝึกตนตั้งแต่ระดับขุนพลวิญญาณขึ้นไปหากไม่พบกระดูกวิญญาณที่สนับสนุนวิญญาณยุทธ์ต้นกำเนิดได้อย่างเหมาะสมก็สามารถเลือกดูดซับกระดูกวิญญาณเหล่านี้ในภายหลังได้เช่นกัน”
“ผู้ฝึกตนทุกคนล้วนต่างมีวิญญาณยุทธ์กันทั้งสิ้น ซึ่งวิญญาณยุทธ์แบ่งออกเป็นสามประเภทคือสัตว์อสูร ประเภทธรรมชาติและประเภทศาสตราวุธ อีกทั้งแบ่งออกเป็นสี่สายดังนี้คือสายสนับสนุน สายโจมตี สายป้องกันและสายควบคุมโดยปกติแล้วผู้ฝึกตนจะมีเพียงหนึ่งวิญญาณยุทธ์ต้นกำเนิดเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยปรากฏผู้ฝึกตนที่มีมากกว่าหนึ่งวิญญาณยุทธ์ เพราะส่วนมากแล้วบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นแต่ผู้ที่มีชื่อเสียงในยุทธภพกันทั้งสิ้น”
“นอกจากที่ผู้ฝึกตนจะแบ่งระดับขั้นพลังเพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งแล้ว ในร่างกายของผู้ฝึกตนหรือแม้กระทั่งคนธรรมดาล้วนประกอบไปด้วยปราณธาตุดิน ปราณธาตุน้ำ ปราณธาตุลม ปราณธาตุไฟเป็นสี่ธาตุพื้นฐานอย่างที่เจ้ารู้ อีกทั้งยังมีสองปราณธาตุพิเศษคือปราณธาตุไม้และปราณธาตุทองที่สืบทอดจากเชื้อสายกษัตริย์ บ้างก็ว่ายังมีอีกหนึ่งปราณธาตุพิเศษที่ไม่พบเจอมานานแล้วคือปราณธาตุพิษ และยังมีอีกถึงสองปราณธาตุในตำนานนั่นคือปราณธาตุแสงและปราณธาตุมืด สิ่งเหล่านี้มีการบันทึกไว้ให้รุ่นหลังได้รับรู้โดยทั่วกันสืบมา สำหรับสีของวิญญาณยุทธ์จะบ่งบอกได้ถึงความเเข็งแกร่งของวิญญาณธาตุต้นกำเนิดที่ครอบครอง”
ในโลกของผู้ฝึกตนแบ่งออกเป็นสี่ปราณธาตุธรรมดาดังนี้
ปราณธาตุดิน (สีน้ำตาลเหลือง -สีน้ำตาลส้ม -สีน้ำตาลเเดง)
ปราณธาตุน้ำ (สีฟ้า -สีคราม -สีน้ำเงิน)
ปราณธาตุลม (สีเขียวอ่อน -สีเขียวน้ำตาล -สีเขียวเข้ม)
ปราณธาตุไฟ (สีเหลือง -สีเหลืองส้ม -สีส้ม)
แบ่งเป็นสามปราณธาตุพิเศษดังนี้
ปราณธาตุพฤกษา (ไม้) (สีน้ำตาลอ่อน -สีน้ำตาลเเดง -สีน้ำตาลเข้ม)
ปราณธาตุทอง (โลหะ) (สีขาวทอง -สีเงินทอง -สีทอง)
ปราณธาตุพิษ (สีเหลืองดำ -สีเขียวดำ -สีม่วงดำ)
และแบ่งเป็นสองปราณธาตุในตำนานดังนี้
ปราณทิวาธาตุ (แสง) (สีเหลืองทอง -สีส้มทอง -สีเเดงทอง)
ปราณรัตติกาลธาตุ (มืด) (สีดำขาว -สีดำเทา -สีดำทอง)
โดยปกติผู้ฝึกตนจะสามารถใช้วิญญาณยุทธ์ได้เพียงหนึ่งเท่านั้น โดยเชื่อว่าจะเป็นการสืบทอดทางสายเลือดจากฝั่งบิดาหรือฝั่งมารดาของตน แต่ใช่ว่าผู้ฝึกตนทุกคนจะมีวิญญาณยุทธ์ได้เพราะหากว่าในร่างกายไม่มีความสมดุลมากเพียงพอก็จะไม่สามารถเรียกใช้วิญญาณยุทธ์ได้เช่นกัน
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างวิญญาณยุทธ์และพลังวิญญาณ หากไร้ซึ่งพลังวิญญาณแล้ววิญญาณยุทธ์ก็จะกลายเป็นเพียงสิ่งธรรมดาไร้ค่า เป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะเพียงเท่านั้น แต่เมื่อใดที่ผู้ฝึกตนสามารถทะลุเขตขั้นระดับขุนพลวิญญาณและมีระดับพลังวิญญาณที่เพิ่มสูงขึ้น วิญญาณยุทธ์ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปด้วยได้เช่นกัน...
"ผู้ฝึกตนเเต่ละคนจะสามารถใช้ได้สูงสุดเพียงหนึ่งปราณธาตุที่ได้รับสืบทอดมาจากทางฝั่งบิดาและจากฝั่งมารดาไม่ทางใดทางหนึ่ง และน้อยเสียยิ่งกว่านักหากจะพบเจอผู้ฝึกตนที่สามารถมีปราณธาตุได้มากกว่าหนึ่งขึ้นไป เพราะหากในร่างกายไม่มีซึ่งความสมดุลมากเพียงพอก็จะไม่สามารถเรียกใช้ปราณธาตุได้แต่อย่างไรแล้วก็ใช่ว่าทุกปราณธาตุจะเกื้อกูลกันเสมอไปเพราะในบางครั้งผู้ถือครองสองปราณธาตุบางคนก็หักล้างกันจนทำร้ายผู้ถือครองเสียเองก็มีให้เห็น...”
